ต่อไปโรงเรียนต่างๆ ในประเทศอังกฤษ จะให้นักเรียนกินยาเพิ่มความฉลาด ยานี้ทำให้นักเรียนตั้งใจเรียนมากขึ้น มีสมาธิมากขึ้น และมีความจำดีขึ้น
รายงานเปิดเผยว่า นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบริสทอล กำลังหาวิธีผลิตยาเพิ่มความฉลาด หรือ "ค็อกส์" และหวังว่า อีก 20-25 ปีข้างหน้า จะนำ "ค็อกส์" มาใช้กับเด็กๆ ได้ โดย "ค็อกส์" จะเข้าไปควบคุมการทำงานของร่างกาย เพื่อยกระดับมันสมอง
"ฟิวเจอร์แล็บ" มูลนิธิที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เป็นผู้ให้ทุนช่วยเหลือมหาวิทยาลัยบริสทอล ในการค้นหาตัวยา อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลว่า อาจารย์จะลำเอียงให้เด็กกินยาไม่เท่าเทียมกัน โดยเด็กที่มีฐานะยากจน อาจไม่มีโอกาสกินยานี้เท่ากับเด็กที่มีฐานะร่ำรวย นักวิทยาศาสตร์แนะนำว่า ผู้เป็นครูอาจารย์ต้องตัดสินใจว่า เด็กคนใดควรกินยา ซึ่งอาจจะทดลองให้เด็กกลุ่มหนึ่งกินยา พร้อมกับสังเกตระดับผลการเรียนว่าดีขึ้นแค่ไหน
แม้ "ค็อกส์" ของบริสทอลจะต้องรอเวลาอีกหลายสิบปี แต่ตอนนี้เด็กๆ และผู้ปกครองต่างให้ความสนใจกับยา "ไรทาลิน" และยา "โมดาฟินิล" เป็นอย่างมาก ยาตัวแรกนับเป็นยาเพิ่มสมาธิ ยาตัวที่สองเป็นยาเพิ่มความตื่นตัว เชื่อว่า เมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้ผลการสอบดีขึ้น ทั้งสองเป็นตัวยาที่ก่อให้เกิดการโต้แย้งทางวิชาการสูง วางขายในอินเตอร์เน็ตหรือตลาดมืด พร้อมกับมีข่าวว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดจำนวนหนึ่งนิยมกินยานี้เพื่อให้ผลการสอบดี
ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด
วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551
เทศกาลกินเจ
ความหมายของคำว่า "เจ"
คำว่า “เจ” ในภาษาจีนมีความหมายทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานว่า
“อุโบสถ” คำว่า “กินเจ” ตามความหมายที่แท้จริงคือการรับ ประทานอาหาร
ก่อนเที่ยงวันดังเช่นที่ชาวพุทธ ในประเทศไทย ถือ “อุโบสถศีล”หรือ “รักษา
ศีล 8”จะไม่รับประทานอาหารหลังจากเที่ยง วันไปแล้ว แต่เนื่องจากการ ถือ
อุโบสถศีลของชาวพุทธฝ่ายมหายานไม่กินเนื้อสัตว์จึงนิยมเรียก“การไม่กิน
เนื้อสัตว์” ไปรวมกับคำว่า “กินเจ” ซึ่งเป็นการถือศีลไปด้วยในปัจจุบันผู้ที่่รับ
ประทานอาหารทั้ง 3 มื้อ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียกกันว่า “กินเจ” ความ
หมายก็คือ “คนกินเจ” ไม่เพียงแต่ไม่กินเนื้อสัตว์ยังต้องดำรงตนอยู่ใน ศีล
ธรรมอันดี บริสุทธิ์สะอาดงดงามทั้งกาย วาจา ใจเป็นการถือศีลบำเพ็ญธรรม
ไปด้วยพร้อมกัน จึงเรียกว่า “กินเจที่แท้จริง” ฉะนั้น คำคล้องจองที่เราได้
ยินอยู่เสมอ คือ “ถือศีลกินเจ” นับว่ามี ความหมายสมบูรณ์ครบถ้วนอยใน
ตัวเองแล้ว ตามร้านขาย “อาหารเจ” เราจะเห็น ตัวอักษรภาษาจีนคำ นี้อ่าน
ว่า“ไจ (เจ)” แปลว่า “ไม่มีของคาว” เขียนด้วยสีแดงบนพื้นสีเหลืองเสมอ
ในช่วงเทศกาล กินเจเดือน 9 จะ เห็นอักษรทนี้เขียนบน ผืนธรงสีเหลือง ปัก
อยู่ตาม แผงขายอาหารเจ ทั่วไป ชาว จีนถือว่าสีแดง เป็นสีีแห่งสิริมงคลแห่ง
ชีวิตสีเหลืองเป็นสีของ ผู้ทรงศีล ผู้ตั้งใจบำเพ็ญตนให้บริสุทธิ์ ตัวอักษรนี้ย่อม
เป็นเครื่องเตือน สติให้ผู้ที่กินเจระลึกไว้เสมอว่า การไม่กินเนื้อ สัตว์ คือการ
ปฏิบัติธรรม รักษาศีลของความเป็นมนุษย์ เป็นการเจริญมหา เมตตากรุณา
ธรรมโดยแท้ อันจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่มนุษย์ และก่อให้เกิดสันติ
สุขสรรพสัตว์ทั้งปวง
การกินเจ ตั้งมั่นอยู่บนหลักธรรม 2 ประการ คือ
ข้อที่ 1 การดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่นกล่าวคือ
1.1 การไม่เอาชีวิตของสัตว์ทั้งหลายมาต่อเติมบำรุงเลี้ยงชีวิตของตน
1.2 การไม่เอาเลือดของสัตว์ทั้งหลาย มาเป็นเลือดของตน
1.3 การไม่เอาเนื้อของสัตว์ทั้งหลาย มาเป็นเนื้อของตน
ข้อที่ 2 การดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนตนเอง การรับประ
ทานสิ่งใดก็ตามที่ทำลายสุขภาพของตนเองให้ทรุดโทรมคือการเบียดเบียน
ตนเอง ปัจจุบันวิทยาการก้าวหน้าได้พิสูจน์แล้วว่า เลือดและเนื้อของสัตว์ที่
ถูกฆ่าตายเต็มไปด้วยพิษภัยมากมาย
ข้อห้ามสำหรับคนที่กินเจ
คนกินเจต้องไม่บริโภคพืชผักฉุนทั้ง 5 ชนิด คือ
1 กระเทียม
2 หัวหอม
3 หลักเกียว
4 กุ้ยฉ่าย
5 ใบยาสูบ
เพราะผักทั้ง 5 ชนิดนี้ แม้ไม่ใช่เนื้อสัตว์ แต่ก็ให้ผลร้ายต่อ
อวัยวะหลัก สำคัญของ ร่างกาย
เสียงประทัดดังก้อง กลิ่นธูปคละคุ้งไปทั่วเมือง เริ่มแล้วกับงานเทศกาล
กินเจประเพณีดั้งเดิมปฏิบัติกันมานาน ประชาชนพร้อมใจกันสวม ชุดขาวเพื่อ
แสดงถึง ความบริสุทธิ์ ดังที่เล่าขาน กันมาช้านานว่าประเพณี ถือศีลกินผัก
(เจี๊ยะฉ่าย) จ.ภูเก็ตนั้นเริ่มแรกทอ.กะทู้ ในปี พ.ศ. 2368 พระยาถลาง (เจิม)
ได้ย้ายเมืองถลาง มาตั้งที่บ้านเก็ตโฮ่ซึ่งอุดมไปด้วย แร่ดีบุกแต่บริเวณนั้นเป็น
ป่าทึบและมี ไข้ป่าชุกชุม เมื่อคณะงิ้ว(ปั่วฮี่) จากเมืองจีนมาเปิดการแสดงเกิด
ล้มเจ็บลงจึงได้ม ีพิธีการกินผักขึ้น เพื่อบวงสรวงเทพเจ้า “กิ่วอ๋องไต่ไต่”
(พระผู้เป็นใหญ่ทั้งเก้า) และ ”ยกอ๋องส่องเต่”(พระอิศวร)
หลังจากนั้นโรคภัยไข้เจ็บได้หมดไป ชาวกะทู้เกิดศรัทธาจึงประกอบพิธี
ีกินผักขึ้น เริ่มตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึงวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 รวม 9 วัน 9 คืน ต่อ
มามีผู้อาสาไป อันเชิญ เหี่ยวเอี้ยว(ควันธูป) และ เลื่อนตุ่ย(ป้ายชื่อ) พร้อมทั้ง
คัมภีร์ต่างๆที่ใช้ใน พิธีกินผักที่ มณฑล กังไสประเทศจีนได้กลับมาถึงในวัน
ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 9 เมื่อชาวบ้านทราบข่าวได้จัดขบวนไปรับที่บ้านบางเหนียว
อันเป็นกำเนิดพิธีรับพระแต่บางศาลเจ้าจะไปรับพระที่ชายหาดเพราะเชื่อว่า
เวลานั้นเป็นเวลา ที่เรือสำเภาในอดีตได้เดินทางผ่านมาถึงจ.ภูเก็ตในพิธีกิน
ผักนั้นช่วงบ่ายก่อนวันพิธีหนึ่งวันจะ มีพิธียก
เสาโกเต้ง และชาวบ้านก็จะมาช่วยกันปิดทองที่บริเวณเสาเพื่อเป็นศิริมงคล
เสาจะถูกยกไว้ที่หน้าศาลเจ้าเพื่อประกอบพิธีอัญเชิญเทพเจ้า”ยกอ๋องส่องเต่”
และ”กิ้วอ๋องไต่เต่”มาเป็นประธานในพิธีและจะนำตะเกียง 9 ดวง เป็นสัญ-
ลักษณ ์ ของการเริ่มพิธีไว้บนเสา ตลอด 9 วัน ของพิธีกินเจ
ทางศาลจะมีพิธีต่างๆที่จักขึ้นมา เช่น พิธีอัญเชิญ เทพลำเต้า-ปักเต้า
(เทวดาผู้กำหนดเวลาเกิดและเวลาตาย) และมีพิธีอิ้วเก้ง (พิธีแห่พระ) ซึ่งพิธี
นี้ คือ ม้าทรงทั้งหลายออกจากศาลเจ้าแล้วไปตามบ้านประชาชนที่ตั้งโต๊ะบูชา
บนโต๊ะจะมีของไหว้ที่เป็นผลไม้ มาทำพิธีอวยพรและพิธีนี้ที่ม้าทรงที่ถูกเลือก
โดยพระที่ตนนับถือให้เป็นร่างทรงก็จะเอาดาบหรือมีดแทงที่ปากและแก้มเดิน
ขบวนไปตามถนนต่างๆมีพิธีอาบน้ำมันที่ตั้งบนเตาไฟแล้วเอาราดตาม ร่างกาย
และมีพิธีขึ้นบันไดมีดโดยมีมีดเป็นขั้นบันได หลังจากนั้นมีพิธ ีโก้ยโห้ย (พิธีลุย
ไฟ) ม้าทรงทั้งหลายก็จะลุยไฟเข้าไป จากนั้นจะมีพิธีโฏ้ยห่าน (สะเดาะเคราะห์)
ประชาชนที่ได้ร่วมพิธีจะต้องเดินผ่านสะพานเล็กๆที่ ศาลเจ้าได้จัด ทำขึ้น ขณะ
ข้ามก็โยนเหรียญบาทลงในถังไม้ที่รอง รับอยู่ข้างล่างพร้อมด้วยตุ๊กตา ที่ทาง
ศาลเจ้าได้เตรียมไว้ให้ และในคืนเดียว กันก็มาถึงเวลาที่ต้องไปส่งพระที่ ชาย
หาดชาวบ้านทั้งหลายก็จะจุดประทัดกัน
คำว่า “เจ” ในภาษาจีนมีความหมายทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานว่า
“อุโบสถ” คำว่า “กินเจ” ตามความหมายที่แท้จริงคือการรับ ประทานอาหาร
ก่อนเที่ยงวันดังเช่นที่ชาวพุทธ ในประเทศไทย ถือ “อุโบสถศีล”หรือ “รักษา
ศีล 8”จะไม่รับประทานอาหารหลังจากเที่ยง วันไปแล้ว แต่เนื่องจากการ ถือ
อุโบสถศีลของชาวพุทธฝ่ายมหายานไม่กินเนื้อสัตว์จึงนิยมเรียก“การไม่กิน
เนื้อสัตว์” ไปรวมกับคำว่า “กินเจ” ซึ่งเป็นการถือศีลไปด้วยในปัจจุบันผู้ที่่รับ
ประทานอาหารทั้ง 3 มื้อ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียกกันว่า “กินเจ” ความ
หมายก็คือ “คนกินเจ” ไม่เพียงแต่ไม่กินเนื้อสัตว์ยังต้องดำรงตนอยู่ใน ศีล
ธรรมอันดี บริสุทธิ์สะอาดงดงามทั้งกาย วาจา ใจเป็นการถือศีลบำเพ็ญธรรม
ไปด้วยพร้อมกัน จึงเรียกว่า “กินเจที่แท้จริง” ฉะนั้น คำคล้องจองที่เราได้
ยินอยู่เสมอ คือ “ถือศีลกินเจ” นับว่ามี ความหมายสมบูรณ์ครบถ้วนอยใน
ตัวเองแล้ว ตามร้านขาย “อาหารเจ” เราจะเห็น ตัวอักษรภาษาจีนคำ นี้อ่าน
ว่า“ไจ (เจ)” แปลว่า “ไม่มีของคาว” เขียนด้วยสีแดงบนพื้นสีเหลืองเสมอ
ในช่วงเทศกาล กินเจเดือน 9 จะ เห็นอักษรทนี้เขียนบน ผืนธรงสีเหลือง ปัก
อยู่ตาม แผงขายอาหารเจ ทั่วไป ชาว จีนถือว่าสีแดง เป็นสีีแห่งสิริมงคลแห่ง
ชีวิตสีเหลืองเป็นสีของ ผู้ทรงศีล ผู้ตั้งใจบำเพ็ญตนให้บริสุทธิ์ ตัวอักษรนี้ย่อม
เป็นเครื่องเตือน สติให้ผู้ที่กินเจระลึกไว้เสมอว่า การไม่กินเนื้อ สัตว์ คือการ
ปฏิบัติธรรม รักษาศีลของความเป็นมนุษย์ เป็นการเจริญมหา เมตตากรุณา
ธรรมโดยแท้ อันจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่มนุษย์ และก่อให้เกิดสันติ
สุขสรรพสัตว์ทั้งปวง
การกินเจ ตั้งมั่นอยู่บนหลักธรรม 2 ประการ คือ
ข้อที่ 1 การดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่นกล่าวคือ
1.1 การไม่เอาชีวิตของสัตว์ทั้งหลายมาต่อเติมบำรุงเลี้ยงชีวิตของตน
1.2 การไม่เอาเลือดของสัตว์ทั้งหลาย มาเป็นเลือดของตน
1.3 การไม่เอาเนื้อของสัตว์ทั้งหลาย มาเป็นเนื้อของตน
ข้อที่ 2 การดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนตนเอง การรับประ
ทานสิ่งใดก็ตามที่ทำลายสุขภาพของตนเองให้ทรุดโทรมคือการเบียดเบียน
ตนเอง ปัจจุบันวิทยาการก้าวหน้าได้พิสูจน์แล้วว่า เลือดและเนื้อของสัตว์ที่
ถูกฆ่าตายเต็มไปด้วยพิษภัยมากมาย
ข้อห้ามสำหรับคนที่กินเจ
คนกินเจต้องไม่บริโภคพืชผักฉุนทั้ง 5 ชนิด คือ
1 กระเทียม
2 หัวหอม
3 หลักเกียว
4 กุ้ยฉ่าย
5 ใบยาสูบ
เพราะผักทั้ง 5 ชนิดนี้ แม้ไม่ใช่เนื้อสัตว์ แต่ก็ให้ผลร้ายต่อ
อวัยวะหลัก สำคัญของ ร่างกาย
เสียงประทัดดังก้อง กลิ่นธูปคละคุ้งไปทั่วเมือง เริ่มแล้วกับงานเทศกาล
กินเจประเพณีดั้งเดิมปฏิบัติกันมานาน ประชาชนพร้อมใจกันสวม ชุดขาวเพื่อ
แสดงถึง ความบริสุทธิ์ ดังที่เล่าขาน กันมาช้านานว่าประเพณี ถือศีลกินผัก
(เจี๊ยะฉ่าย) จ.ภูเก็ตนั้นเริ่มแรกทอ.กะทู้ ในปี พ.ศ. 2368 พระยาถลาง (เจิม)
ได้ย้ายเมืองถลาง มาตั้งที่บ้านเก็ตโฮ่ซึ่งอุดมไปด้วย แร่ดีบุกแต่บริเวณนั้นเป็น
ป่าทึบและมี ไข้ป่าชุกชุม เมื่อคณะงิ้ว(ปั่วฮี่) จากเมืองจีนมาเปิดการแสดงเกิด
ล้มเจ็บลงจึงได้ม ีพิธีการกินผักขึ้น เพื่อบวงสรวงเทพเจ้า “กิ่วอ๋องไต่ไต่”
(พระผู้เป็นใหญ่ทั้งเก้า) และ ”ยกอ๋องส่องเต่”(พระอิศวร)
หลังจากนั้นโรคภัยไข้เจ็บได้หมดไป ชาวกะทู้เกิดศรัทธาจึงประกอบพิธี
ีกินผักขึ้น เริ่มตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึงวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 รวม 9 วัน 9 คืน ต่อ
มามีผู้อาสาไป อันเชิญ เหี่ยวเอี้ยว(ควันธูป) และ เลื่อนตุ่ย(ป้ายชื่อ) พร้อมทั้ง
คัมภีร์ต่างๆที่ใช้ใน พิธีกินผักที่ มณฑล กังไสประเทศจีนได้กลับมาถึงในวัน
ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 9 เมื่อชาวบ้านทราบข่าวได้จัดขบวนไปรับที่บ้านบางเหนียว
อันเป็นกำเนิดพิธีรับพระแต่บางศาลเจ้าจะไปรับพระที่ชายหาดเพราะเชื่อว่า
เวลานั้นเป็นเวลา ที่เรือสำเภาในอดีตได้เดินทางผ่านมาถึงจ.ภูเก็ตในพิธีกิน
ผักนั้นช่วงบ่ายก่อนวันพิธีหนึ่งวันจะ มีพิธียก
เสาโกเต้ง และชาวบ้านก็จะมาช่วยกันปิดทองที่บริเวณเสาเพื่อเป็นศิริมงคล
เสาจะถูกยกไว้ที่หน้าศาลเจ้าเพื่อประกอบพิธีอัญเชิญเทพเจ้า”ยกอ๋องส่องเต่”
และ”กิ้วอ๋องไต่เต่”มาเป็นประธานในพิธีและจะนำตะเกียง 9 ดวง เป็นสัญ-
ลักษณ ์ ของการเริ่มพิธีไว้บนเสา ตลอด 9 วัน ของพิธีกินเจ
ทางศาลจะมีพิธีต่างๆที่จักขึ้นมา เช่น พิธีอัญเชิญ เทพลำเต้า-ปักเต้า
(เทวดาผู้กำหนดเวลาเกิดและเวลาตาย) และมีพิธีอิ้วเก้ง (พิธีแห่พระ) ซึ่งพิธี
นี้ คือ ม้าทรงทั้งหลายออกจากศาลเจ้าแล้วไปตามบ้านประชาชนที่ตั้งโต๊ะบูชา
บนโต๊ะจะมีของไหว้ที่เป็นผลไม้ มาทำพิธีอวยพรและพิธีนี้ที่ม้าทรงที่ถูกเลือก
โดยพระที่ตนนับถือให้เป็นร่างทรงก็จะเอาดาบหรือมีดแทงที่ปากและแก้มเดิน
ขบวนไปตามถนนต่างๆมีพิธีอาบน้ำมันที่ตั้งบนเตาไฟแล้วเอาราดตาม ร่างกาย
และมีพิธีขึ้นบันไดมีดโดยมีมีดเป็นขั้นบันได หลังจากนั้นมีพิธ ีโก้ยโห้ย (พิธีลุย
ไฟ) ม้าทรงทั้งหลายก็จะลุยไฟเข้าไป จากนั้นจะมีพิธีโฏ้ยห่าน (สะเดาะเคราะห์)
ประชาชนที่ได้ร่วมพิธีจะต้องเดินผ่านสะพานเล็กๆที่ ศาลเจ้าได้จัด ทำขึ้น ขณะ
ข้ามก็โยนเหรียญบาทลงในถังไม้ที่รอง รับอยู่ข้างล่างพร้อมด้วยตุ๊กตา ที่ทาง
ศาลเจ้าได้เตรียมไว้ให้ และในคืนเดียว กันก็มาถึงเวลาที่ต้องไปส่งพระที่ ชาย
หาดชาวบ้านทั้งหลายก็จะจุดประทัดกัน
วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551
Students to go back to class now PM gone
High school, college and university students will return to their classrooms today after the Constitution Court disqualified Samak Sundaravej as prime minister for moonlighting as a TV cooking show host. The group, calling itself the Young PAD, earlier planned a three-day nationwide protest starting yesterday.
Young PAD coordinator Wasant Vanich called off the plan after the court verdict. But he vowed that students from 80 education institutions would regroup if Mr Samak stages a comeback.
Hundreds of students earlier defied school warnings and joined the anti-government protest led by the People's Alliance for Democracy to press for the departure of Mr Samak and his cabinet.
Students took over the Makkhawan Rangsan stage and took turns giving speeches.
Sakul Mattaya, of Wijitsilp school, said: ''In a time of political crisis, students from rival schools must join together to oust the government''.
He arrived with 20 other schoolmates.
A leader of around 100 students from the Siam Institute of Technology, said: ''Many may view us as wasting our time settling scores with students from rival schools. Today, we want to show that we are upset with the way the government is running this country for the sake of one man, former prime minister Thaksin Shinawatra''.
''We have no fear of our school's threat of expulsion''.
About 30 students from Rajamangala University of Technology's Uthen Thawai campus provided security for protesting students.
Ramida Ponglim, from the Demonstration School of Silpakorn University, said: ''We [she and 10 classmates] are upset with the two-chamber debate, which is nothing but a stage for the government to defend its right to hang on. Don't stop students from rallying if political mechanisms don't work''.
A student from Benjamarachalai school said the principal had threatened to postpone final exams if any students skipped classes and attended the protest. But the students maintained the rally would not hurt their performance.
The mood was mixed in other provinces.
In Trang, students at three universities attended classes as usual. In Phuket, 3,000 students from Phuket Wittayalai school and 2,000 others from Satree Phuket school marched in the city centre calling on Mr Samak to quit.
Young PAD coordinator Wasant Vanich called off the plan after the court verdict. But he vowed that students from 80 education institutions would regroup if Mr Samak stages a comeback.
Hundreds of students earlier defied school warnings and joined the anti-government protest led by the People's Alliance for Democracy to press for the departure of Mr Samak and his cabinet.
Students took over the Makkhawan Rangsan stage and took turns giving speeches.
Sakul Mattaya, of Wijitsilp school, said: ''In a time of political crisis, students from rival schools must join together to oust the government''.
He arrived with 20 other schoolmates.
A leader of around 100 students from the Siam Institute of Technology, said: ''Many may view us as wasting our time settling scores with students from rival schools. Today, we want to show that we are upset with the way the government is running this country for the sake of one man, former prime minister Thaksin Shinawatra''.
''We have no fear of our school's threat of expulsion''.
About 30 students from Rajamangala University of Technology's Uthen Thawai campus provided security for protesting students.
Ramida Ponglim, from the Demonstration School of Silpakorn University, said: ''We [she and 10 classmates] are upset with the two-chamber debate, which is nothing but a stage for the government to defend its right to hang on. Don't stop students from rallying if political mechanisms don't work''.
A student from Benjamarachalai school said the principal had threatened to postpone final exams if any students skipped classes and attended the protest. But the students maintained the rally would not hurt their performance.
The mood was mixed in other provinces.
In Trang, students at three universities attended classes as usual. In Phuket, 3,000 students from Phuket Wittayalai school and 2,000 others from Satree Phuket school marched in the city centre calling on Mr Samak to quit.
SIRIKUL BUNNAG
วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551
ผลงาน 3 ปี “ผู้ว่าฯอภิรักษ์” ในสายตาคนกรุงเทพฯ
ผลงาน 3 ปี "ผู้ว่าฯอภิรักษ์" ในสายตาคนกรุงเทพฯ ** คนกรุงเทพฯ
ให้คะแนนการดำเนินงานของ "ผู้ว่าฯกทม."ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา 7.12 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 10) ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้จัดทำโครงการต่าง ๆ เพื่อพัฒนากรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง โดยโครงการดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความสำเร็จและความล้มเหลวที่เกิดขึ้น สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพฯ 50 เขต จำนวน 1,221 คน ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม-4 กันยายน 2550 สรุปผลได้ดังนี้
1.) ความพึงพอใจในโครงการด้านต่าง ๆ ของ "กรุงเทพมหานคร"
อันดับที่ ร้อยละ
1 ด้านการศึกษา 74.40
2 ด้านสิ่งแวดล้อม 69.60
3 ด้านเศรษฐกิจพอเพียง 68.60
4 ด้านระบบสาธารณสุข 67.80
5 ด้านสะดวกปลอดภัย 66.80
2.) โครงการที่คนกรุงเทพพึงพอใจ มากที่สุด
อันดับที่ ร้อยละ
1 โครงการเรียนฟรี เรียนดี มีคุณภาพโดยให้นักเรียนในสังกัดโรงเรียนกทม.ได้เรียนฟรี ทุกคน พร้อมสอนพิเศษภาษาอังกฤษและคอมพิวเตอร์ 74.40
2 ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า BTS (สาทร-วงเวียนใหญ่, สุขุมวิท-แบริ่ง) 73.20
3 การติดตั้งแสงสว่างในถนน ตรอก ซอยและสะพานคนข้ามจำนวน 35,000 ดวง 71.00
4 ดูแลรักษาต้นไม้ตามเกาะกลางถนน / สวนหย่อม 70.80
5 จัดทำป้ายรถเมล์ให้ร่มรื่นมีไม้ประดับ, สวนแนวตั้งตามตอม่อสะพานลอย และ BTS 70.40
3.)โครงการที่คนกรุงเทพพึงพอใจ น้อยที่สุด
อันดับที่ ร้อยละ
1 การปรับปรุงความเป็นระเบียบของถนนสายหลัก สายรอง 62.00
2 ศูนย์กทม.สายด่วน 1555 (รับเรื่องราวร้องทุกข์) 64.20
3 ศูนย์บริการเร่งด่วน กทม. (BEST) 64.40
4 การจัดตั้งศูนย์อุบัติภัยกรุงเทพมหานคร (สายด่วน 1646) 65.40
5 ขยายสถานีดับเพลิงเพิ่ม 10 แห่ง 66.00
4.) ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานต่อไปอีก 1 ปีข้างหน้าของ "ผู้ว่าฯกทม."
อันดับที่ ร้อยละ
1 อยากให้แก้ไขปัญหาการจราจร รถติด / รณรงค์ให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถสาธารณะมากขึ้น 25.66
2 นโยบายต่าง ๆ ที่ผู้ว่าฯกทม.ประกาศไว้ควรทำให้สำเร็จ เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน/เป็นไปตามที่พูดไว้ 20.44 3 อยากให้กทม.มีการจัดระเบียบสังคมอย่างเคร่งครัด มีมาตรการและบทลงโทษที่ชัดเจน 18.60
4 อยากให้ผู้ว่าฯกทม.ตั้งใจทำงานด้วยความมุ่งมั่น ซื่อสัตย์ สุจริต มีความยุติธรรม สมกับที่ได้รับเลือกมา 18.07
5 อยากให้ดูแล / รณรงค์เรื่องความสะอาด ขยะตามชุมชน ถนนหนทาง ท่อน้ำ และคูคลองต่าง ๆ 17.23
ให้คะแนนการดำเนินงานของ "ผู้ว่าฯกทม."ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา 7.12 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 10) ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้จัดทำโครงการต่าง ๆ เพื่อพัฒนากรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง โดยโครงการดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความสำเร็จและความล้มเหลวที่เกิดขึ้น สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพฯ 50 เขต จำนวน 1,221 คน ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม-4 กันยายน 2550 สรุปผลได้ดังนี้
1.) ความพึงพอใจในโครงการด้านต่าง ๆ ของ "กรุงเทพมหานคร"
อันดับที่ ร้อยละ
1 ด้านการศึกษา 74.40
2 ด้านสิ่งแวดล้อม 69.60
3 ด้านเศรษฐกิจพอเพียง 68.60
4 ด้านระบบสาธารณสุข 67.80
5 ด้านสะดวกปลอดภัย 66.80
2.) โครงการที่คนกรุงเทพพึงพอใจ มากที่สุด
อันดับที่ ร้อยละ
1 โครงการเรียนฟรี เรียนดี มีคุณภาพโดยให้นักเรียนในสังกัดโรงเรียนกทม.ได้เรียนฟรี ทุกคน พร้อมสอนพิเศษภาษาอังกฤษและคอมพิวเตอร์ 74.40
2 ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า BTS (สาทร-วงเวียนใหญ่, สุขุมวิท-แบริ่ง) 73.20
3 การติดตั้งแสงสว่างในถนน ตรอก ซอยและสะพานคนข้ามจำนวน 35,000 ดวง 71.00
4 ดูแลรักษาต้นไม้ตามเกาะกลางถนน / สวนหย่อม 70.80
5 จัดทำป้ายรถเมล์ให้ร่มรื่นมีไม้ประดับ, สวนแนวตั้งตามตอม่อสะพานลอย และ BTS 70.40
3.)โครงการที่คนกรุงเทพพึงพอใจ น้อยที่สุด
อันดับที่ ร้อยละ
1 การปรับปรุงความเป็นระเบียบของถนนสายหลัก สายรอง 62.00
2 ศูนย์กทม.สายด่วน 1555 (รับเรื่องราวร้องทุกข์) 64.20
3 ศูนย์บริการเร่งด่วน กทม. (BEST) 64.40
4 การจัดตั้งศูนย์อุบัติภัยกรุงเทพมหานคร (สายด่วน 1646) 65.40
5 ขยายสถานีดับเพลิงเพิ่ม 10 แห่ง 66.00
4.) ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานต่อไปอีก 1 ปีข้างหน้าของ "ผู้ว่าฯกทม."
อันดับที่ ร้อยละ
1 อยากให้แก้ไขปัญหาการจราจร รถติด / รณรงค์ให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถสาธารณะมากขึ้น 25.66
2 นโยบายต่าง ๆ ที่ผู้ว่าฯกทม.ประกาศไว้ควรทำให้สำเร็จ เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน/เป็นไปตามที่พูดไว้ 20.44 3 อยากให้กทม.มีการจัดระเบียบสังคมอย่างเคร่งครัด มีมาตรการและบทลงโทษที่ชัดเจน 18.60
4 อยากให้ผู้ว่าฯกทม.ตั้งใจทำงานด้วยความมุ่งมั่น ซื่อสัตย์ สุจริต มีความยุติธรรม สมกับที่ได้รับเลือกมา 18.07
5 อยากให้ดูแล / รณรงค์เรื่องความสะอาด ขยะตามชุมชน ถนนหนทาง ท่อน้ำ และคูคลองต่าง ๆ 17.23
วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
พันธมิตรฯมีแกนนำ 5 คน ซึ่งเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลสมัคร มาอย่างต่อเนื่อง ดังต่อไปนี้
สนธิ ลิ้มทองกุล
พล.ต. จำลอง ศรีเมือง
สมศักดิ์ โกศัยสุข
พิภพ ธงไชย
สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
นอกจากนี้ยังมีผู้ประสานงานคนอื่นรวมถึงกลุ่มอื่น เช่น
สุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย
ทพ. ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด และประธานกลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย
สุวิทย์ วัดหนู (เสียชีวิตไปแล้ว)
ดร. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต สว. กทม. ผู้ดำเนินรายการ "รู้ทันทักษิณ"
นพ. นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อดีต สว. อุบลราชธานี
นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีต สว. นครราชสีมา
นายการุณ ใสงาม อดีต สว. บุรีรัมย์
เป็นต้น
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลังเกิดการปฏิรูปโดย คปค.
หลังจากเกิดการปฏิรูปโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทางกลุ่มพันธมิตรฯซึ่งแผนการเดิม จะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เพื่อขับไล่รัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่ง ก็ได้ยุติการชุมนุมไป แล้วทิศทางในปัจจุบันนี้คือ ทางแกนนำกลุ่มพันธมิตรทั้ง 5 คน ก็ได้ตัดสินใจแยกทางกันตามปกติ ยุติการเคลื่อนไหวแล้ว แต่ก็ยังมีการจับตาทางฝ่ายของอดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ เพื่อไม่ให้อดีตนายกรัฐมนตรีรวมทั้งคณะรัฐมนตรีในพรรคไทยรักไทย กลับมาเป็นรัฐบาลอีก
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ช่วงรัฐบาลสมัคร 1
กลุ่มพันธมิตรฯ มองว่า สมัคร สุนทรเวช เป็นนอมินีของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จึงได้ประชุมกันและเริ่มมีความเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านรัฐบาลสมัคร 1 ที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯ ได้มีการออกแถลงการณ์พร้อมทั้งมีการจัดชุมนุมอย่างต่อเนื่อง
แถลงการณ์ฉบับที่ 1 คำเตือนก่อนเกิดกลียุค
แถลงการณ์ฉบับที่ 2 กลียุคมาแล้ว
แถลงการณ์ฉบับที่ 3 เคลื่อนไหวครั้งที่ 1 : ต้านเผด็จการทุนนิยมสามานย์และรัฐตำรวจ
แถลงการณ์ฉบับที่ 4 เรื่อง คัดค้านและประณามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อลบล้างความผิดของตนเองและพวกพ้อง
แถลงการณ์ฉบับที่ 5 พร้อมต่อต้านอาชญากรประชาธิปไตยล้มล้างรัฐธรรมนูญฟอกความผิดให้ตัวเอง
แถลงการณ์ฉบับที่ 6 เรื่อง ต่อต้านรัฐประหารเงียบ
แถลงการณ์ฉบับที่ 7 กำหนดการสัมมนาประชาชน - ติดอาวุธทางปัญญา “ยามเฝ้าแผ่นดินสัญจร” ครั้งที่ 2
แถลงการณ์ฉบับที่ 8 พันธมิตรฯ ชี้ “หุ่นเชิด” ก่อวิกฤตเตือนแก้ รธน.เป้าหมายอันตราย
แถลงการณ์ฉบับที่ 9 ชุมนุมใหญ่ต่อต้านการล้มล้างรัฐธรรมนูญ
แถลงการณ์ฉบับที่ 10 "เคลื่อนไหวต่อเนื่องเพื่อกำจัดผู้ล้มล้างรัฐธรรมนูญ"
แถลงการณ์ฉบับที่ 11 "โค่นระบอบทักษิณ ไล่รัฐบาลอันธพาลหุ่นเชิด"
แถลงการณ์ฉบับที่ 12 "ประกาศจุดยืนต่อกรณีรัฐบาลจะสลายการชุมนุม"
แถลงการณ์ฉบับที่ 13 "ประณามนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด"
แถลงการณ์ฉบับที่ 14 “พันธมิตรฯ” แถลงเคลื่อนขบวนด้วยความสงบ-อหิงสา-ปราศจากอาวุธ
ลำดับเหตุการณ์การชุมนุมต้านรัฐบาลสมัคร
ในคืนวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม 2551 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกมากล่าวในรายการยามเฝ้าแผ่นดินว่า การชุมนุมในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2551 นี้ เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย และเรียกร้องให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรจนถึงที่สุด[1]
หลังจากการชุมนุมตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2551 จนกระทั่งเคลื่อนย้ายมาชุมนุมบนถนนราชดำเนินนอกที่ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ต่อมาในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2551 พันธมิตรฯ ก็ได้ใช้ยุทธศาสตร์ดาวกระจาย สงคราม 9 ทัพฝ่าแนวป้องกันของตำรวจเข้าไปถึงบริเวณสนามม้านางเลิ้งได้[2] ต่อมาจึงย้ายการปราศรัยจากเวทีที่สะพานมัฆวานฯ มาที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อให้เวทีปราศรัยเข้าใกล้ทำเนียบรัฐบาลเพื่อกดดันรัฐบาล[3]
แกนนำชุดที่สอง
หลังจากปฏิบัติการเป่านกหวีดวันที่ 26 สิงหาคม 2551 พันธมิตรฯ ได้เข้าบุกยึด NBT และสถานที่ราชการหลายแห่งจนสุดท้ายเข้ายึดและชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ส่งผลให้รัฐบาลยื่นเรื่องฟ้องศาลเพื่อออกหมายจับแกนนำ รวมทั้งนาย สุริยะใส กตะศิลา, เทิดภูมิ ใจดี, อมร อมรรัตนานนท์ และ ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์[4] ต่อมาพันธมิตรฯ จึงได้มีการประกาศแกนนำชุดที่สองประกอบด้วย สาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และนายสำราญ รอดเพชร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มานำการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรต่อไป หากแกนนำทั้ง 5 คนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม[5]
พัลลภ ปิ่นมณี พร้อมเป็นแกนนำหาก จำลอง ศรีเมือง ถูกจับ[6]
โครงสร้างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ภาคเหนือ
กลุ่มพันธมิตรพิษณุโลก มีนายภูริทัต สุธาธรรม เป็นแกนนำ[7]
ชุมนุมลุ่มน้ำภาคเหนือตอนล่าง ประกอบด้วยประชาชนจากกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง อาทิเช่น ตาก สุโขทัย พิจิตร กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี ฯลฯ[8]
ภาคตะวันออก
กลุ่มพันธมิตรภาคตะวันออก มีนายสุทธิ อัชฌาศัย เป็นประธานเครือข่าย ประกอบด้วยประชาชนจากอำเภอต่างๆ ในเขตจังหวัดชลบุรี อาทิเช่น อ.เมือง อ.พนัสนิคม อ.ศรีราชา อ.บ้านบึง อ.สัตหีบ อ.บางละมุง อ.บ่อทอง อ.หนองใหญ่ อ.พานทอง อ.เกาะสีชัง รวมถึงประชาชนจากจังหวัด ระยอง ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว จันทบุรี ตราด[9]
กลุ่มพันธมิตรฯ พัทยา-นาเกลือ-บ้านบึง-พนัส มีนายยงยุทธ เมธาสมภพ เป็นประธานเครือข่าย[10]
คณะทำงานพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดเลย มี นายหินชนวน อโศกตระกูล เป็นแกนนำ[11]
ภาคอีสาน
สมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทยจังหวัดขอนแก่น มีนางเครือมาศ นพรัตน์ เป็นประธานสมัชชาประชาชนฯ และนายเธียรชัย นนยะโส เป็นรองประธานฯ[12]
สมัชชาประชาชนภาคอีสานจังหวัดบุรีรัมย์ มีนางสำเนียง สุภัณพจน์ เป็นประธาน มีแนวร่วมเป็นองค์กรเครือข่าย 18 องค์กร[13]
ภาคใต้
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสตูล มี นางอุดมศรี จันทร์รัศมี[14]และ อ.ประโมทย์ สังหาร[15] เป็นแกนนำ
สมัชชาภาคใต้ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง (กำลังก่อตั้ง)[16]
อย่างไรก็ตามกระผมอยากให้ ใช้การเจรจาด้วยสันติวิธีในการชุมนุมไม่อยากเห็นคนไทยทะเลาะกันเอง ควรจะหันหน้าปรึกษากันเพื่อนำแนวทางไปแก้ปัญหาต่างๆต่อไป
เพื่อประเทศไทยจะได้พัฒนาอย่างวยั่งยืน
สนธิ ลิ้มทองกุล
พล.ต. จำลอง ศรีเมือง
สมศักดิ์ โกศัยสุข
พิภพ ธงไชย
สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
นอกจากนี้ยังมีผู้ประสานงานคนอื่นรวมถึงกลุ่มอื่น เช่น
สุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย
ทพ. ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด และประธานกลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย
สุวิทย์ วัดหนู (เสียชีวิตไปแล้ว)
ดร. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต สว. กทม. ผู้ดำเนินรายการ "รู้ทันทักษิณ"
นพ. นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อดีต สว. อุบลราชธานี
นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีต สว. นครราชสีมา
นายการุณ ใสงาม อดีต สว. บุรีรัมย์
เป็นต้น
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลังเกิดการปฏิรูปโดย คปค.
หลังจากเกิดการปฏิรูปโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทางกลุ่มพันธมิตรฯซึ่งแผนการเดิม จะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เพื่อขับไล่รัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่ง ก็ได้ยุติการชุมนุมไป แล้วทิศทางในปัจจุบันนี้คือ ทางแกนนำกลุ่มพันธมิตรทั้ง 5 คน ก็ได้ตัดสินใจแยกทางกันตามปกติ ยุติการเคลื่อนไหวแล้ว แต่ก็ยังมีการจับตาทางฝ่ายของอดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ เพื่อไม่ให้อดีตนายกรัฐมนตรีรวมทั้งคณะรัฐมนตรีในพรรคไทยรักไทย กลับมาเป็นรัฐบาลอีก
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ช่วงรัฐบาลสมัคร 1
กลุ่มพันธมิตรฯ มองว่า สมัคร สุนทรเวช เป็นนอมินีของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จึงได้ประชุมกันและเริ่มมีความเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านรัฐบาลสมัคร 1 ที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯ ได้มีการออกแถลงการณ์พร้อมทั้งมีการจัดชุมนุมอย่างต่อเนื่อง
แถลงการณ์ฉบับที่ 1 คำเตือนก่อนเกิดกลียุค
แถลงการณ์ฉบับที่ 2 กลียุคมาแล้ว
แถลงการณ์ฉบับที่ 3 เคลื่อนไหวครั้งที่ 1 : ต้านเผด็จการทุนนิยมสามานย์และรัฐตำรวจ
แถลงการณ์ฉบับที่ 4 เรื่อง คัดค้านและประณามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อลบล้างความผิดของตนเองและพวกพ้อง
แถลงการณ์ฉบับที่ 5 พร้อมต่อต้านอาชญากรประชาธิปไตยล้มล้างรัฐธรรมนูญฟอกความผิดให้ตัวเอง
แถลงการณ์ฉบับที่ 6 เรื่อง ต่อต้านรัฐประหารเงียบ
แถลงการณ์ฉบับที่ 7 กำหนดการสัมมนาประชาชน - ติดอาวุธทางปัญญา “ยามเฝ้าแผ่นดินสัญจร” ครั้งที่ 2
แถลงการณ์ฉบับที่ 8 พันธมิตรฯ ชี้ “หุ่นเชิด” ก่อวิกฤตเตือนแก้ รธน.เป้าหมายอันตราย
แถลงการณ์ฉบับที่ 9 ชุมนุมใหญ่ต่อต้านการล้มล้างรัฐธรรมนูญ
แถลงการณ์ฉบับที่ 10 "เคลื่อนไหวต่อเนื่องเพื่อกำจัดผู้ล้มล้างรัฐธรรมนูญ"
แถลงการณ์ฉบับที่ 11 "โค่นระบอบทักษิณ ไล่รัฐบาลอันธพาลหุ่นเชิด"
แถลงการณ์ฉบับที่ 12 "ประกาศจุดยืนต่อกรณีรัฐบาลจะสลายการชุมนุม"
แถลงการณ์ฉบับที่ 13 "ประณามนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด"
แถลงการณ์ฉบับที่ 14 “พันธมิตรฯ” แถลงเคลื่อนขบวนด้วยความสงบ-อหิงสา-ปราศจากอาวุธ
ลำดับเหตุการณ์การชุมนุมต้านรัฐบาลสมัคร
ในคืนวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม 2551 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกมากล่าวในรายการยามเฝ้าแผ่นดินว่า การชุมนุมในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2551 นี้ เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย และเรียกร้องให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรจนถึงที่สุด[1]
หลังจากการชุมนุมตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2551 จนกระทั่งเคลื่อนย้ายมาชุมนุมบนถนนราชดำเนินนอกที่ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ต่อมาในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2551 พันธมิตรฯ ก็ได้ใช้ยุทธศาสตร์ดาวกระจาย สงคราม 9 ทัพฝ่าแนวป้องกันของตำรวจเข้าไปถึงบริเวณสนามม้านางเลิ้งได้[2] ต่อมาจึงย้ายการปราศรัยจากเวทีที่สะพานมัฆวานฯ มาที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อให้เวทีปราศรัยเข้าใกล้ทำเนียบรัฐบาลเพื่อกดดันรัฐบาล[3]
แกนนำชุดที่สอง
หลังจากปฏิบัติการเป่านกหวีดวันที่ 26 สิงหาคม 2551 พันธมิตรฯ ได้เข้าบุกยึด NBT และสถานที่ราชการหลายแห่งจนสุดท้ายเข้ายึดและชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ส่งผลให้รัฐบาลยื่นเรื่องฟ้องศาลเพื่อออกหมายจับแกนนำ รวมทั้งนาย สุริยะใส กตะศิลา, เทิดภูมิ ใจดี, อมร อมรรัตนานนท์ และ ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์[4] ต่อมาพันธมิตรฯ จึงได้มีการประกาศแกนนำชุดที่สองประกอบด้วย สาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และนายสำราญ รอดเพชร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มานำการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรต่อไป หากแกนนำทั้ง 5 คนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม[5]
พัลลภ ปิ่นมณี พร้อมเป็นแกนนำหาก จำลอง ศรีเมือง ถูกจับ[6]
โครงสร้างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ภาคเหนือ
กลุ่มพันธมิตรพิษณุโลก มีนายภูริทัต สุธาธรรม เป็นแกนนำ[7]
ชุมนุมลุ่มน้ำภาคเหนือตอนล่าง ประกอบด้วยประชาชนจากกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง อาทิเช่น ตาก สุโขทัย พิจิตร กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี ฯลฯ[8]
ภาคตะวันออก
กลุ่มพันธมิตรภาคตะวันออก มีนายสุทธิ อัชฌาศัย เป็นประธานเครือข่าย ประกอบด้วยประชาชนจากอำเภอต่างๆ ในเขตจังหวัดชลบุรี อาทิเช่น อ.เมือง อ.พนัสนิคม อ.ศรีราชา อ.บ้านบึง อ.สัตหีบ อ.บางละมุง อ.บ่อทอง อ.หนองใหญ่ อ.พานทอง อ.เกาะสีชัง รวมถึงประชาชนจากจังหวัด ระยอง ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว จันทบุรี ตราด[9]
กลุ่มพันธมิตรฯ พัทยา-นาเกลือ-บ้านบึง-พนัส มีนายยงยุทธ เมธาสมภพ เป็นประธานเครือข่าย[10]
คณะทำงานพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดเลย มี นายหินชนวน อโศกตระกูล เป็นแกนนำ[11]
ภาคอีสาน
สมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทยจังหวัดขอนแก่น มีนางเครือมาศ นพรัตน์ เป็นประธานสมัชชาประชาชนฯ และนายเธียรชัย นนยะโส เป็นรองประธานฯ[12]
สมัชชาประชาชนภาคอีสานจังหวัดบุรีรัมย์ มีนางสำเนียง สุภัณพจน์ เป็นประธาน มีแนวร่วมเป็นองค์กรเครือข่าย 18 องค์กร[13]
ภาคใต้
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสตูล มี นางอุดมศรี จันทร์รัศมี[14]และ อ.ประโมทย์ สังหาร[15] เป็นแกนนำ
สมัชชาภาคใต้ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง (กำลังก่อตั้ง)[16]
อย่างไรก็ตามกระผมอยากให้ ใช้การเจรจาด้วยสันติวิธีในการชุมนุมไม่อยากเห็นคนไทยทะเลาะกันเอง ควรจะหันหน้าปรึกษากันเพื่อนำแนวทางไปแก้ปัญหาต่างๆต่อไป
เพื่อประเทศไทยจะได้พัฒนาอย่างวยั่งยืน
Allies, Army pile pressure on PM
The People Power Party's key coalition partners called for an urgent meeting Friday night, while Army chief Gen Anupong Paojinda rejected Prime Minister Samak Sundaravej's plan to declare a state of emergency.
Although the coalition allies reportedly reaffirmed their support for Samak for the moment, they covered all possible solutions at the urgent meeting, including a proposal for him to either resign or dissolve the House of Representatives.
There were reports that Anupong also made both those suggestions in a private meeting with Samak, a source said. This, however, could not be confirmed.
Anupong and Samak met privately after the premier, who is also defence minister, met the Army's top brass at the Thai Armed Forces headquarters.
Anupong earlier Friday also ruled out a coup, saying it was not a way to solve the current crisis.
The coalition partners held the emergency meeting at Chart Thai leader Banharn Silapaarcha's residence late Friday night, during which they discussed a proposal for Samak to resign, instead of dissolving the House of Representatives, according to sources. However, a TV report said that after the heated debate, the coalition partners agreed to continue backing Samak.
Deputy Prime Minsiter and senior Chart Thai member Sanan Kachornprasart was said to be the one who "coordinated" the meeting.
Samak earlier Friday did not rule out the use of the controversial Emergency Act, saying he wanted to wait until after Saturday's opening ceremony for a government-sponsored event to be presided over by HRH Crown Prince Maha Vajiralongkorn.
Meanwhile, Samak's People Power Party (PPP) on Friday set up a war room at Siam City Hotel, with PM's secretary general Thirapol Noplumpa and Newin Chidchob as key figures.
The ruling party plans to bring in a large number of supporters from the provinces to Sanam Luang to help shore up the government being battered by the People's Alliance for Democracy.
If the situation worsened, the government will also consider dissolving Parliament, said PPP sources.
Samak said the government had relocated the event, organised to boost national unity, from Government House to Suan Amporn.
Samak's statement contradicted that of Army chief General Anupong Paochinda, who told reporters separately that neither a coup nor a declaration of a state of emergency would solve the current crisis.
Anupong, trying to play it safe, as any move could prove to be costly politically, called on all parties to reconcile their differences.
The two men took part in a Defence Council meeting along with other military top brass and senior security officers. It lasted for more than two hours.
Speaking to reporters afterwards, Samak rhetorically asked the People's Alliance for Democracy (PAD): "Where do you people think you're going with all of this? Are you Thai?"
The embattled premier was visibly upset and shouted out his answers to waiting reporters.
Trying hard to put himself in a positive light but unable to hide his anger, Samak told reporters some security officials wanted him to declared a state of emergency but that he wanted to wait until after today's event before considering the matter.
The statement was the first time that Samak had hinted at possibly changing his mind. Up until yesterday's meeting, Samak consistently ruled out the use of force against the PAD and its tens of thousands of street protest?ers, who have shown great will?ingness to clash with authorities if need be. Scuffles between police and protesters broke out yesterday as hundreds of riot police entered Government House. PAD protesters claimed victory in pushing them out of the compound, but Samak told reporters he was the one who had ordered the officers to retreat.
Yet Samak vowed not to quit.
"I don't want to announce a state of emergency, because that would destroy the atmosphere [of the event]," Samak said. "I'll hold off until tomorrow. It's a grand event."
The PAD has defied court orders calling on it to pull out of Government House. Arrest warrants have been issued against the PAD leaders on charges of treason.
Samak reminded reporters he was in for the long haul, saying: "Arrest warrants last for 10 years. I still have time to go after them."
Giving a traditional wai, he pleaded with the public to stay at home and not join the PAD protesters.
Samak also cancelled a state visit to Japan scheduled for next Tuesday to Thursday.
Although the coalition allies reportedly reaffirmed their support for Samak for the moment, they covered all possible solutions at the urgent meeting, including a proposal for him to either resign or dissolve the House of Representatives.
There were reports that Anupong also made both those suggestions in a private meeting with Samak, a source said. This, however, could not be confirmed.
Anupong and Samak met privately after the premier, who is also defence minister, met the Army's top brass at the Thai Armed Forces headquarters.
Anupong earlier Friday also ruled out a coup, saying it was not a way to solve the current crisis.
The coalition partners held the emergency meeting at Chart Thai leader Banharn Silapaarcha's residence late Friday night, during which they discussed a proposal for Samak to resign, instead of dissolving the House of Representatives, according to sources. However, a TV report said that after the heated debate, the coalition partners agreed to continue backing Samak.
Deputy Prime Minsiter and senior Chart Thai member Sanan Kachornprasart was said to be the one who "coordinated" the meeting.
Samak earlier Friday did not rule out the use of the controversial Emergency Act, saying he wanted to wait until after Saturday's opening ceremony for a government-sponsored event to be presided over by HRH Crown Prince Maha Vajiralongkorn.
Meanwhile, Samak's People Power Party (PPP) on Friday set up a war room at Siam City Hotel, with PM's secretary general Thirapol Noplumpa and Newin Chidchob as key figures.
The ruling party plans to bring in a large number of supporters from the provinces to Sanam Luang to help shore up the government being battered by the People's Alliance for Democracy.
If the situation worsened, the government will also consider dissolving Parliament, said PPP sources.
Samak said the government had relocated the event, organised to boost national unity, from Government House to Suan Amporn.
Samak's statement contradicted that of Army chief General Anupong Paochinda, who told reporters separately that neither a coup nor a declaration of a state of emergency would solve the current crisis.
Anupong, trying to play it safe, as any move could prove to be costly politically, called on all parties to reconcile their differences.
The two men took part in a Defence Council meeting along with other military top brass and senior security officers. It lasted for more than two hours.
Speaking to reporters afterwards, Samak rhetorically asked the People's Alliance for Democracy (PAD): "Where do you people think you're going with all of this? Are you Thai?"
The embattled premier was visibly upset and shouted out his answers to waiting reporters.
Trying hard to put himself in a positive light but unable to hide his anger, Samak told reporters some security officials wanted him to declared a state of emergency but that he wanted to wait until after today's event before considering the matter.
The statement was the first time that Samak had hinted at possibly changing his mind. Up until yesterday's meeting, Samak consistently ruled out the use of force against the PAD and its tens of thousands of street protest?ers, who have shown great will?ingness to clash with authorities if need be. Scuffles between police and protesters broke out yesterday as hundreds of riot police entered Government House. PAD protesters claimed victory in pushing them out of the compound, but Samak told reporters he was the one who had ordered the officers to retreat.
Yet Samak vowed not to quit.
"I don't want to announce a state of emergency, because that would destroy the atmosphere [of the event]," Samak said. "I'll hold off until tomorrow. It's a grand event."
The PAD has defied court orders calling on it to pull out of Government House. Arrest warrants have been issued against the PAD leaders on charges of treason.
Samak reminded reporters he was in for the long haul, saying: "Arrest warrants last for 10 years. I still have time to go after them."
Giving a traditional wai, he pleaded with the public to stay at home and not join the PAD protesters.
Samak also cancelled a state visit to Japan scheduled for next Tuesday to Thursday.
วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2551
Should parents be responsible if their children behave badly?
Thailand has a lot of crimes caused by children. But if parents should be responsibilities, will be better.
Every day we watch TV or read newspaper. We will see many headlines of social problem and crimes by children. Refer to Thairat newspaper on the sixth of August 2008.At the headlines said “Warning parents be carefully with death game. It can be crimes”. So I will give you some idea what parents have to do if they don’t have responsibilities.
The first idea if parents no time is let their children study at boarding school. Example Sirintorn Nakorn Phathom school. And another idea is find out for free time to talk, to communicate together. Example when watch TV tried to talk about movie which one is good or bad and etc.
However if parents have responsibilities, it be the best ways for the children. May be in the future, will not see a lot of crimes again.
Refer: Thairat newspaper on the sixth of Auggust 2008
Every day we watch TV or read newspaper. We will see many headlines of social problem and crimes by children. Refer to Thairat newspaper on the sixth of August 2008.At the headlines said “Warning parents be carefully with death game. It can be crimes”. So I will give you some idea what parents have to do if they don’t have responsibilities.
The first idea if parents no time is let their children study at boarding school. Example Sirintorn Nakorn Phathom school. And another idea is find out for free time to talk, to communicate together. Example when watch TV tried to talk about movie which one is good or bad and etc.
However if parents have responsibilities, it be the best ways for the children. May be in the future, will not see a lot of crimes again.
Refer: Thairat newspaper on the sixth of Auggust 2008
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)